Tuesday, October 28, 2008

MAMMA MIA!


หลายๆคนคงได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้กันไปแล้ว เพราะเข้าฉายในบ้านเราไปตั้งแต่เดือนสิงหานู้นแล้ว ทั้งๆที่ประเทศอื่นเขาเข้าฉากันตั้งแต่กรกฎา และตอนนี้ก็มีบางประเทศที่หนังเรื่องนี้ยังไม่ได้เปิดตัว แต่ตอนนี้รายรับรวมทั่วโลกก็กวาดไปแล้วกว่า 400 ล้านเหรียญซึ่งถือว่าเป็นหนังทำเงินของค่ายยูนิเวอร์แซลของปีนี้เลยก็ว่าได้ ต้องบอกว่าเป็นหนังเพลงที่กระแสแรงมาก ได้รับการตอบรับจากทั่วโลกเป็นอย่างมากแต่ในบ้านเรากลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะหนังเข้าฉายไปกว่าหนึ่งเดือนแต่กลับทำเงินได้แค่ 10 ล้านต้นๆเท่านั้นเอง อาจจะเป็นเพราะหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังกระแสของคนไทยก็เท่านั้น เพราะตังของหนังนั้นดัดแปลงมาจากเพลงฮิตของวง ABBA ซึ่งต้องคนมีอายุหน่อยถึงจะรู้จัก ซึ่งเราก็เพิ่งรู้จักวงนี้จากการดูหนังเรื่องนี้นี่แหละ! วง ABBA เป็นวงป๊อปจากประเทศสวีเดนแต่เขียนเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษและมีเพลงเพงฮิตหลายเพลงมาก เป็นที่โด่งดังในยุโรป คนที่เขียนบทของภาพยนตร์เรื่องนี้จึงนำเพลงของABBA มาเป็นเมนหลักในการร้อยเรียงเรื่องราวเข้าด้วยกัน โดย Mamma Mia! เป็นละครเวทีมาก่อนและมีคนดูมากที่สุดถึง 30 ล้านคนทั่วโลกและเปิดฉายเป็นจำนวนรอบมากที่สุดในโลกเช่นกัน เดินทางแสดงมาแล้วในหลายประเทศซึ่งถือว่าเป็นละครเวทีที่ประสบความสำเร็จมากก็ว่าได้ (แต่คนไทยก็ไม่เคยได้ดูยกเว้นคนที่มีโอกาสไปดูที่ต่างประเทศ) ก็เลยนำมาสู่การขึ้นจอเงินของหนังเรื่องนี้ โดยผู้อำนวยการสร้างนั้นไม่ใช่ใครอื่นไกลเลย เป็นที่รู้จักของแฟนหนังในประเทศไทยเป็นอย่างดี นั่นก็คือ Tom Hanks นั่นเอง และส่วนตัวผู้กำกับนั้นก็เป็นคนที่กำกับตอนทำละครเวทีนั่นแหละ เธอคือ ฟิลินด้า ลอยด์ ซึ่งเธอคือคนที่เหมาะที่สุดที่จะกำกับหนังเรื่องนี้ ส่วนในเรื่องของเพลงประกอบนั้นคงเดาไม่ยากเพราะเป็นหนังเพลงของ ABBA คนที่ทำเพลงก็ต้องเป็นสมาชิกของวงแน่นอน หนังเรื่องนี้ก่อนอื่นต้องบอกว่ามันหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบเพลงของ ABBA ก่อนเพราะดูจากตัวหนังแล้วมันไม่ค่อยมีอะไรที่น่าสนใจไปกว่านี้แล้ว นอกเสียจากจะเบี่ยงความสนใจไปที่ผู้แสดงหลักในเรื่องซึ่งคับคั่งไปด้วยดาราที่มีฝือมือเยี่ยมทั้งนั้น เมนของหนังเรื่องนี้ก็คืองานแต่งงานที่เจ้าสาวต้องการรู้ว่าพ่อที่แท้จริงของตัวเองเป็นใครกันแน่เพราะแม่ไม่เคยเล่าเรื่องพ่อให้ฟัง แต่เธอดันไปเจอไดอารี่ของแม่ตัวเองเข้า และในนั้นเขียนถึงผู้ชาย 3 คน เธอจึงคิดว่า 1ใน3 คนนี้ต้องมีสักคนที่เป็นพ่อของเธอแน่นอน เธอจึงจัดการเชิญทั้งสามคนมาร่วมงานแต่ของเธอ และเรื่องทั้งหมดก็เกิดขึ้น โดยโลเคชั่นของเรื่องนี้เป็นเกาะๆหนึ่งในประเทศกรีซ ซึ่งเป็นที่ที่โซเฟีย(อะแมนด้า)อาศัยอยู่กับแม่ของเธอ (เมอรีล สตรีฟ) แม่ของเธอทำธุรกิจโรงแรมเล็กๆบนเกาะและตอนนี้โซเฟียกำลังจะแต่งงานกับสกาย(โดมินิค คูเปอร์) โซเฟียตัดสินใจเชิญ แซม คาร์ไมเคิล (เพียร์ซ บรอสแนน) แฮร์รี่ ไบร์ท (คอลิน เฟิร์ธ)และ บิล แอนเดอร์สัน (สแตนแลน สตาร์การ์ด) ซึ่งเธอคิดว่าหนึ่งในสามคนนี้ต้องเป็นพ่อของเธอสักคน โดยที่เธอไม่ได้บอกแม่ของเธอเรื่องราววุ่นๆจึงเกิดขึ้นบนเกาะก่อนงานแต่งงาน โดยเรื่องราวของเรื่องทุกฉากทุกตอนถูกถ่ายทอดและร้อยเรียงผ่านบทเพลงฮิตต่างๆของวง ABBA โดยนักแสดงทุกคนต่างโชว์การร้องเพลงของตัวเองอย่างมืออาชีพ โดยเฉพาะรายของเมอรีล สตรีฟ นั้นถือว่ายอดเยี่ยมมากทั้งร้องทั้งเต้น จนลืมไปเลยว่าเธอนั้นอายุปาเข้าไป 59ปีแล้ว ถือว่าไม่ผิดหวังสำหรับคนที่ตีตั๋วเข้ามาดูsheแกร้องเพลง แต่สำหรับฝ่ายชายนั้นต้องบอกเลยว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นหนัง"หายนะ" ของป๋าเพียร์ซ บรอสแนน เลยก็ว่าได้ เพราะดูเวลาจากที่แกร้องเพลงในหนังแล้วบอกได้คำเดียวว่าหายนะจริงๆ เพราะสีหน้าของเฮียแกเวลาร้องเพลงนั้นดูไร้ซึ่งอารมณ์มาก หน้าตาบูดเบี้ยวไปหมด ซึ่งมันน่าจะดีกว่านี้แต่ก็ช่างเหอะก็น่าจะรู้กันอยู่ว่าอดีตสายลับ เจมส์ บอนด์ ร้องเพลงไม่เป็น 55+ ซึ่งเพียร์ซ บรอสแนน เคยให้สัมภาษณ์ว่าที่เขารับเล่นเรื่องนี้เพราะว่าต้องการลองบทใหม่ ซึ่งก็คงใหม่สมใจเฮียแกไปเลย และเขาเคยบอกไว้ว่าในบรรดาพ่อทั้งสามคนของเรื่องก็ไม่มีใครร้องเพลงได้ ถือว่าเสมอกันหมด เป็นอันว่ามาเริ่มใหม่เหมือนกันและการเข้าห้องอัดถือเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด! ซึ่งในบรรดาพ่อทั้งสามคนนั้นคนที่ร้องดีสุดนี่คงไม่ต้องบอกว่า ถ้าคนที่ได้ดูแล้วน่าจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าในบรรดฝ่ายชายนั้นร้องดีสุดก็คงจะเป็น คอลิน เฟิร์ธ นี่แหละเพระเฮียแกก็เคยผ่านการร้องเพลงมาบ้างแล้วแต่ก็แค่เพลงเดียวเท่านั้น โดยในเรื่องนี้คอลิน เฟิร์ธ ร้องเพลงเดียวที่เป็นเพลงเต็มๆของตัวเองโดยเพลงนั้นใช้เวลาแค่สามนาทีกว่าๆเท่านั้นเอง แต่เขาบอกว่ากว่าจะร้องเพลงนี้ออกมาได้เขาใช้เวลาอยู่ในห้องอัดถึง 4 วันกันเลยทีเดียวซึ่งเขาพูดไปและก็หัวเราะไป และจะมีฉากในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เขาเล่นกีต้าร์บอกเลยว่า เป็นฝีมือ คอลิน เฟิร์ธ เล่นเองร้องเองแน่นอน ส่วนคนอื่นนั้นก็ถือว่าอยู่ในมาตรฐานไม่แย่ไปแต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีสำหรับคนที่ไม่ใช่นักร้องอาชีพ และอีกเรื่องที่ต้องกล่าวถึงนั่นก็คือครื่องแต่งกาย ส่วนมากฝ่ายชายจะบ่นกันน่าเพราะว่าพวกเขาต้องใส่ชุด spandex เพียร์ซ บรอสแนน พูดออกมาว่า "ถ้าผมรู้ว่าต้องใส่ชุด spandex แบบนี้ผมน่าจะเรียกค่าตัวเพิ่ม" ส่วนคอลิน เฟิร์ธ นั้นก็บอกอย่างติดตลกว่า "ผมพยายามจะใส่มันและเอามันกลับบ้านด้วยและเขายังพูดอีกว่าหนึ่งปีของผมกับชุดนี้ ชุดนี้มันรัดมากเวลาผมเต้นผมต้องใช้ร่างกายถึงสองเท่าเลยที่ดียวกว่าจะออกมาอย่างที่เห็น" ถ้าคนที่ดูตอนเครดิตตอนจบก็จะเห็นชุด sapdex เหล่านี้แน่นอนซึ่งดูจากภาพก็น่าจะรัดอยู่55+ และอีกเหตุผลที่นักแสดงหลายคนรับแสดงเรื่องนี้ก็เป็นเพราะโลเคชั่นถ่ายทำสวยมากและนักแสดงชายของเรื่องบอกว่าพวกเขาเบื่อที่จะใส่สูทและอยากแต่งหน้าใส่ชุดสวยๆบ้าง55+ หนังเรื่องนี้ไม่มีอะไรมากเหมาะสำหรับการพักผ่อน อย่าคาดหวังกับการดูภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะคุณอาจจะเดาไม่ถูกก็ได้แต่รับรองว่าพอดูจบแล้วคุณจะยิ้มได้อย่างไม่ผิดหวังและไม่รู้สึกถึงคำว่า"ไม่คุ้ม" รอดีวีดีออกเมื่อไหร่เราอาจจะได้เห็นเบื้องหลังที่ฮาๆก็ได้ ตอนนี้ก็รอไปก่อน

No comments: