Colin Firth เกิดเมื่อวันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 1960 ที่เมืองเกรย์ซอตต์ แฮมเชียร์ ประเทศอังกฤษ Colin เกิดในครอบครัวที่ทั้งพ่อและแม่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ชีวิตในวัยเด็กของเขานั้นต้องย้ายที่อยู่เป็นประจำ Colin ใช้ชีวิตในวัยเด็กของเขาที่ประเทศไนจีเรีย พอเขาอายุได้7ขวบก็ย้ายกลับมาอยู่ที่อังกฤษอีกครั้ง แต่ก็อยู่ได้ไม่นานนักครอบครัวของเขาก็ย้ายไปอยู่ที่เซ็นต์หลุยส์ สหรัฐอมเริกา ตอนนั้นเขาอายุแค่ 12 ปี Colin โตขึ้นในอเมริกาและรู้จักที่นั้นดี จากนั้นครอบครัวของเขาก็ย้ายกลับมาอยู่ที่อังกฤษเสียที ที่เมืองวินเซสเตอร์ โดยพ่อของเขาเป็นอาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์ที่ King Alfred's College ส่วนแม่ของเขาสอนวิชาศาสนาเปรียบเทียบ ที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ชีวิตในช่วงวัยรุ่นของColinนั้นไม่ง่ายนักสักเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนว่าพ่อและแม่ของเขาไม่ค่อยยอมรับในสิ่งที่เขาชอบ ช่วงนั้นColinได้ค้นพบสิ่งที่เขาชอบนั่นก็คือพวกเพลงและการแสดงนั่นเอง เขาได้หัดเล่นกีตาร์และเรียนเกี่ยวกับการแสดงในช่วงวันอาทิตย์ Colinรู้ตัวว่าอยากเป็นนักแสดงตั้งแต่เขาอายุ14ปี การเรียนของColinในโรงเรียนนั้นค่อนข้างไปได้ไม่สวยนัก เขาบอกว่าเขาเคยสอบตกวิชาเคมีและเขาไม่ชอบที่จะเรียนหนังสือสักเท่าไหร่ ดังนั้นColin จึงมุ่งมั่นที่จะเรียนการแสดง ช่วงนั้นเขาไว้ผมยาวแบบเซอร์ๆใส่กางเกงขาม้าฟังเพลงของProg Rock - Yes, Genesis and King Crimson ตลอดจนไปถึงพวก Punk ความฝันของColin ที่หวังจะเป็นนักแสดงก็เริ่มที่จะเป็นจริงเมื่อเขาอายุได้ 18 ปี เขาตัดสินใจออกจากโรงเรียนและย้ายมาอยู่ที่ London เขาได้เข้าร่วมกับ National Youth Theatre ใน London ช่วงที่เขาเข้ามาอยู่ใน London นั้น Colin พูดอยู่บ่อยๆว่าเขา " Alone in the building , Alone in London" จากนั้นไม่นานColin คิดว่าถ้าเขาต้องการจะทำให้ดีกว่านี้เขาต้องเรียน ดังนั้นเขาจึงได้เข้าเรียนที่ London Drama Centre เขาใช้เวลา6วันต่ออาทิตย์เป็นเวลานานถึง 3 ปีในการเรียนการแสดงที่นั่น และแล้วเขาก็ได้เป็นนักแสดงจริงๆซะที โดยในตอนนั้นปี ค.ศ. 1983 Colinได้แสดงละครเวทีเรื่องแรกคือ West End run of Another Country ที่ The Queen's Theatre ซึ่งเขาได้รับบทนำ Guy Bennett แทนที่ Rupert Everett ซึ่งหลังจากนั้นหนึ่งปีละครเวทีเรื่องนี้ได้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์และนี่ถือเป็นการเข้าสู้โลกภาพยนต์ครั้งแรงของ Colin Firth แต่แทนที่เขาจะได้รับบทเดิมนั่นก็คือ Guy Bennett แต่บทนี้กลับถูกโอนไปเป็นของ Rupert Everett แทน ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ Colin รับบทเป็น Tommy Judd แทนซึ่งต้องแสดงเป็นเพื่อนสนิทของGuy Bennett พอหลังจากนั้นเขาก็เริ่มเข้าสู่วงการโทรทัศน์ด้วยการรับแสดงเรื่อง Camille ซึ่งเขาก็ทำได้ดี ช่วงหลายปีต่อจากนั้น Colin ก็รับงานแสดงซึ่งส่วนมากจะเป็นละครเวทีซะส่วนใหญ่ จนถึงปี 1987 เขาก็ได้แสดงภาพยนต์เรื่องที่2ของเขา A Month In The Country จากนั้นเขาก็รับงานแสดงภาพยนตร์มากขึ้นเรื่อยๆจนเข้าสู่โลกของฮอลลีวูด โดยปกติแล้วColinชองรับบทในหนังฟอร์มเล็กมากกว่า ในช่วงตั้งแต่ปี 1987 - 1994 เขารับเล่นทั้งละครทีวี ภาพยนตร์ และละครเวที เขาได้รับบทต่างๆมากมายและได้ฝึกฝนฝีมือจนเป็นที่ยอมรับในการแสดง จนมาโด่งดังสุดๆในบท Fitzwilliam Darcy หรือ Mr.Darcy (ซึ่งเล่นได้เนียนมาก หน้าตายสุดๆ)ในมินิซีรีย์ยอดฮิตของ BBC Pride&Prejudice ซึ่งเป็นบทประพันธ์ของ Jane Austin ในปี 1995 จากซีรีย์เรื่องนี้ทำให้ Colin Firth กลายเป็น sex symbol ของสาวๆทั่วโลก โดยเฉพาะฉากที่ Colin Firth กระโดดลงไปดำน้ำในทะเลสาบและกลับขึ้นมาพร้อมเสื้อขางที่เปียกน้ำ! และเรื่องนี้ทำให้เขาได้เข้าชิงรางวัล BAFTA Award ในปี 1996 Colin ได้ร่วมแสดงในภาพยนต์ที่เข้าชิงออสการ์ The English Patient ในเรื่องนี้เราจะได้เห็นเขาในมาดนักบิน ในปี 1997 Colin ได้แต่งงานกับ Livia Guiggioli ซึ่งเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอิตาลี หลังจากพบกันที่กองถ่ายเรื่อง Nostromo โดยทั้งคู่แต่งงานกันที่ Tuscany หลังจากนั้นColinก็มีหนังอีกหลายเรื่องตามมา ที่เด่นๆในช่วงนั้นก็จะมี Fever Picth ของ Nick Hornby ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับแฟนบอลอาร์เซนอลคนนึงและเขาก็ได้ร่วมเล่นภาพยนตร์ระดับออสการ์อีกเรื่องนั่นก็คือ Shakespeare In Love ซึ่งเขารับบทเป็น Lord Wessex และแล้วในปี 2001 เขาก็กลับมารับเป็น Mr. Darcy อีกครั้งแต่คราวนี้เป็น Mark Darcy ใน Bridget Jones's Diary ซึ่งดัดแปลงมาจากนิยายขายดีของHelen Fielding ซึ่งผู้แต่งก็ได้รับแรงบรรดาลใจมาจาก นิยายของ Jane Austin's Pride&Prejudice ในเวอร์ชั่นของ Colin ทำให้ผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องหาทางนำเอา Colin มารับนี้ให้ได้และคู่กับ Renee Zellweger จากภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ Colin Firth เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกและกลายเป็นหนุ่มในฝันที่สาวๆทั่วทั้งโลกหมายปองจากบท Mark Darcy ผู้แสนดี๊แสนดี และเขาก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง BAFTA Award อีกครั้ง! จากนั้นก็มีหนังเข้ามาอีกหลายเรื่อง ซึ่งส่วนมากเป็นแนว comedy ซะเป็นส่วนใหญ่แต่เขาก็ยังไม่ทิ้งงานละครทีวี ซึ่งเรื่อง Conspiracy ในบทของDr.Wilhelm Stuckhart ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy และในปี 2003 Colin กลับมาพร้อมกับหนังฟอร์มดีทั้งสองเรื่อง เรื่องแรกก็คือ Girl with a pearl earring ซึ่งเขารับบทเป็น Johannes Vermeer จิตรกรชาวดัชท์ที่มีชื่อเสียงจากภาพ Girl with a pearl earring ซึ่งเขาแสดงคู่กับ Scarlett Johansson และเรื่องต่อมานั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดของหนังรักก็ว่าได้ นั่นก็คือ Love Actually วึ่งเป็นการโคจรมาพบกันอีกครั้งของ Hugh Grant & Colin Firth ถือได้ว่าเป็นหนังที่สร้างชื่อให้กับ Colin อีกเรื่องนึงเลยทีเดียว ในปี 2004 Colin กลับมาพร้อมกับ Bridget Jones's Diary: The Edge of Reason ซึ่งในบท Mark Darcy ก็ไม่ทำให้ผู้ชมผิดหวัง และพร้อมด้วย Trauma หนังเรื่องนี้เป็นแนวpsycho-thriller เรื่องนี้เขาดูดีมากในผมสั้น ซึ่งไม่ค่อยเห็นกันบ่อยนัก ปี 2005 ก็มีผลงานออกมาคือ Nanny McPhee ของ Emma Thomson และ Where the Truth lies ที่เขาประกบคู่กับ Kevin Bacon หนังเรื่องนี้ก็ได้รับความหือฮามากพอตัว จากบทบาทของเขาเอง! ในปี 2006 นั้นเขาไม่มีภาพยนตร์มาให้ชมกัน แต่มีมินิซีรีย์ทาง BBC นั่นก็คือ Born Equal ซึ่งเป็นหนังแนว Drama เขายังฝีมือการแสดงไว้ได้อย่างสวยงาม และ Celabration ในปี 2007 เปิดตัวด้วยภาพยนตืฟอร์มยักษ์เรื่องใหม่ The last Legion ซึ่งได้เห็น Colin ในบทบาทที่แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งเขารับบทเป็นทหารโรมัน และในปีนี้เองก็มีหนังอีก 3 เรื่องที่เขาร่วมแสดงนั่นก็คือ When did you last see your father, St.Trinian's and Then she found me แบบที่เรียกว่าดูกันตาแฉะไปเลยปีนี้ และปีนี้ 2008 ล่าสุดหนังที่กำลังกวาดรายรับรวมทั่วโลกเกือบหรืออาจจะกว่า 500 ล้านดอลล่าร์ไปแล้ว นั่นก็คือ Mamma Mia! ในภาพยนต์เรื่องนี้จะได้เห็นสิ่งแปลกใหม่ของ Colin Firth นั่นก็คือจะได้เห็น Colin Firth ทั้งร้องทั้งเต้นในหนังเรื่องนี้และเขายังเล่นกีตาร์ในเพลงที่เขาร้องอีกด้วย "Our Last Summer" ซึ่งมันอาจจะไม่แปลกใหม่นักจนเกินไปเพราะเขาเคยฝากเสียงร้องมาแล้วถึง 2 เรื่อง นั่นก็คือ The importance of being earnest เพลง Lady Come Down ร้องคู่กับ Rupert Everett และเรื่อง St. Trinian's เพลง Love is in the air. และนอกจากนี้ยังมีอีกสองเรื่องที่กำลังจะลงโรงฉายให้ชมกัน นั่นก็คือ Easy Virtua ร่วมแสดงกับ Ben Barnes ซึ่งจะเข้าฉายใน UK วันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ ส่วนในบ้านเราคงอาจจะต้องรออีกนานแสนนานกันเลยทีเดียว และอีกเรื่องที่ตอนนี้ Colin กำลังเดินสายเปิดตัวอยู่นั่นก็คือ Genova ซึ่งในงานเทศกาลหนังที่ Sansebastian Spain ผู้กำกับเรื่องนี้ Michael Winterbottom ก็เพิ่งได้รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมมาหมาดๆ ถือว่าเป็นการเปิดตัวไม่เลวที่เดียว และในปีหน้าเรื่องที่คงจะได้ชมแน่ๆอาจจะมีแค่ 2 เรื่องนั่นก็คือ Dorain Gray และ A Cristmas Carol คงต้องดูกันต่อไปกับผลงานของ Firth
เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับ Colin Firth
- มีความสัมพันธ์กับ Meg Tilly ขณะถ่ายทำภาพยนต์เรื่อง Valmont, 1989 และมีลูก 1 คน Will Firth
- แต่งงานกับ Livia วันที่ 21 มิถุนายน 1997 มีลูกชายด้วยกัน 2 คน Luca, Mateo
- Firth มีน้องสาว Katie Firth (a vocal coach) และน้องชาย Jonathan Firth (นักแสดง)
- ติดอันดับ "50 Most Beautiful People" list (2001) จากนิตยสาร People Magazine's
- สูง 187 cm. มีตาสีน้ำตาล ผมสีน้ำตาล(ออกจะหยิกๆนิดนึง เพราะผมจะยุ่งตลอดเวลา)
- ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัย Winchester ตอนอายุ 47 ปี
- In prison my whole life เป็นหนังเรื่องแรกที่เขาและLivia เป็น co-producer
- Colin สนับสนุนองค์กรต่างๆมากมายเช่น Oxam, Eco age, Make trade fair and Amnesty International
- เขาชอบสีฟ้า
- เชียร์ทีม อาร์เซนอล
- ฟังเพลง Coldplay, Norah Jones, Ryan Adams etc.
- เล่นกีตาร์และเปียโน
- รักและศึกษาวัฒนธรรมอิตาลี
- ชอบรับเล่นบทแปลกๆซึ่งเขาบอกว่ามันเป็นความท้าทายอย่างนึงในการทำงาน
- Colin เบื่อหน่ายชื่อของเขามาก เพราะเขาบอกว่ามันน่าเบื่อจะตายไป
- แม้ว่าสาวๆ หลายคนจะหลงใหลได้ปลื้มกับภาพ Mr. Darcy ของเขา แต่เขาก็เล่าว่า พอน้องชายรู้ว่าเขาได้รับบทนี้ น้องชายก็ถามเขาอย่างแปลกใจว่า “Darcy เหรอ แต่เขาเซ็กซีไม่ใช่เหรอพี่”
- พ่อของเขามักพูดว่า " Colin ไม่ใช่คนที่เงียบขรึมอย่างในหนังหรือในละครที่เห็นกัน นั่นไม่ใช่บุคลิกของเขาเลย เขาออกจะเสียงดังจนน่ารำคาญด้วยซ้ำไป"
- ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารมาดามฟิกโกโร่ว่าผู้หญิงในชีวิตเขามีแค่3คนนั่นก็คือ แม่,ภรรยา และ เจน ออสติน
- อาศัยอยู่ทั้งในลอนดอนและอิตาลี
- พูดภาษาอิตาลีได้คล่องมาก
- มีร้านขายของเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดภาวะโลกร้อนอยู่ในลอนดอน
- เคยแสดงเป็นตัวเองใน Bridget Jones's DiaryThe Edge of reason ในตอนที่ Bridget สัมภาษณ์ Colin Firth
No comments:
Post a Comment