Wednesday, January 26, 2011

The King's speech - ประกาศก้องจอมราชันย์



หลังจากที่ได้ไปดูหนังเรื่องนี้ในการฉายนรอบพิเศษที่สกาล่า ความรู้สึกแรกต้องบอกว่ารู้สึกตื่่นเต้นที่ได้ดูหนังเรื่องนี้สักที หลังจากที่ติดตามข่าวมานานพอสมควร ไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้ถ่ายทำตั้งแต่ปลายปี 2009 รึป่าว? แต่ที่รู้แน่ชัดก็คือว่า คอลิน เฟิร์ธ ได้รับบทเป็นกษัตริย์ของสหราชอาณาจักรหรือที่เราๆรู้จักกันก็คือ ประเทศอังกฤษ นั่นเอง หนังเรื่องนี้เปิดฉายครั้งแรกที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต ประเทศแคนาดา ซึ่งพอหนังเรื่องนี้ฉายรอบปฐมทัศน์เสร็จก็ได้รับเสียงตอบรับดีมากๆ หนังฉายในเทศกาลวันที่ 10 กันยายน 2010 ซึ่งตรงกับวันเกิดนักแสดงนำชายพอดี ทุกต่างยืนลุกขึ้นปรบมือเป็นการให้เกียรติแก่ภาพยนตร์และนักแสดงนำชาย พร้อมทั้งร้องเพลงอวยพรวันเกิดด้วย! ซึ่งนักแสดงนำ คอลิน เฟิร์ธ เคยให้สัมภาษณ์ว่า "เป็นของขวัญวันเกิดครบรอบ 50 ปีที่เยี่ยมที่สุดเลยก็ว่าได้" หลังจากกระแสตอบรับที่เยี่ยมยอดไม่ว่าจะจากนักวิจารณ์หรือคนทั่วไปที่ถือว่าดีสุดๆ ทำให้หนังเรื่องนี้ได้รับรางวัลขวัญใจประชาชนหรือ People's Choice Award ถือว่าเป็นรางวัลใหญ่สุดของงานนี้ จากนั้นมาชื่อของหนังเรื่องนี้ก็สะพัดไปทั่ว จนทำให้เป็นที่จับตาของนักวิจารณ์โดยเฉพาะการประชันบทบาทกันระหว่าง คอลิน เฟิร์ธ กับ เจฟฟรีย์ รัช บทนักแสดงนำชายของเฟิร์ธนั้นทำได้ยอดเยี่ยมอย่างไม่มีที่ติ เขาทำให้เรารู้สึกได้ถึงความทุกข์ทรมานจากการการพูดติดอ่างและความทรงจำในวัยเด็กที่แสนโหดร้ายรวมไปถึงการได้รับการดูถูก ล้อเลียน จากคนรอบข้าง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่คนคนหนึ่งทนได้ลำบากมาก และในส่วนบทสมทบของเจฟฟรีย์ รัช นั้น มีนักวิจารณ์หลายคนคิดว่าเขาน่าจะได้อยู่ในระดับเดียวกับเฟิร์ธ นั่นก็คือนำชาย เพราะว่าทุกฉากที่มี เฟิร์ธ นั้นต้องมี รัช เกือบทุกฉากไป แต่ใครจะไปตรัสรู้ว่าทำไมสตูดิโอถึงดันรัชไปอยู่ในสาขาสมทบ ? บทของรัช เท่าที่ดูเมื่อคืน เขาถือว่าเป็นตัวชูโรงเลยก็ว่าได้ บทสนทนาระหว่างเขากับคิงเป็นอะไรที่ยียวน ยอกย้อน ซึ่งมันทำให้หนังดูสนุก ไม่ดราม่าเกินไป ทำให้อารมณ์คนดูไม่รู้สึกสมเพชหรือสงสารบทของเฟิร์ธจนเกินไป ในส่วนบทบาทที่มีอิทธิพลที่สุดของหนังเรื่องนี้ น่าจะต้องยกให้ เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์ เรื่องนี้จะไม่สามารถเกิดได้ ถ้าตัวละครของเฮเลน่าไม่พยายามที่จะหาทางช่วยสามีให้พ้นจากการทนทุกข์ทรมานจากการพูดต่อหน้าประชุมชน ในบทบาทของเธอนั้น เธอดูมีพลัง เป็นแรงผลักดันและเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดให้สามีของเธอ ทั้ง 3 บทบาทนี้ถือว่าเป็นตัวเสริมกันและกันให้หนังมีพลังจนเข้าตานักวิจารณ์เลยก็ว่าได้
ย้อนกลับมาที่เรื่องการฉายรอบพิเศษเมื่อวาน คนที่ไปดูถือว่าเป็นกลุ่มคนที่มีความสนใจอย่างยิ่งยวดกับหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ ทุกคนมีความตั้งใจจะเข้าไปดูการแสดงของคอลิน เฟิร์ธ ที่ได้ชื่อว่า "เป็นการแสดงที่เยี่ยมยอดที่สุดแห่งปี" การันตีจากรางวัลนำชายจากหลากหลายสถาบัน! ทุกคนมีความตั้งใจจะเข้าไปหาคำตอบว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงได้รับคำวิจารณ์มากมายขนาดนี้ และคำตอบที่ได้จากเมื่อคืนก็พิสูจน์แล้วว่า "มันสุดยอดจริงๆ" ฉากไหนที่เป็นดราม่า มันก็คือดราม่าจริงๆ มันสามารถสะกดอารมณ์คนดูให้ชงักเลยก็เลยก็ว่าได้ อย่างฉากที่ เบอร์ตี้เล่าถึงวัยเด็ก เป็นการเล่าด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แววตานั้นมันให้เรารับรู้ถึงความเจ็บปวด หรือแม้กระทั่งฉากเล็กๆ ตอนที่พ่อของเขาป่วยหนักและเริ่มเลอะเลือน ทุกคนต่างจับจ้องไปที่พี่ชายของเขาที่จะเป็นผู้สืบทอดบัลลังค์และมองข้ามเขาไป สีหน้าของที่เขาแสดงออกมาให้เห็นถึงแผลในใจตั้งแต่ตอนเด็กๆ ที่ใครๆก็มักจะรักเขาน้อยกว่าพี่ชาย จนทำให้เขาเป็นคนขี้อายและจมปรักกับความกลัว แต่ฉากไหนที่เป็นฉากประชันฝีปากระหว่างเฟิร์ธกับรัชนั้น ถือว่าเป็นฉากสนุกของเรื่องเลยก็ว่าได้ ยอกย้อนกันได้เด็ดมากๆ บทของเจฟฟรีย์ถือว่ากวนสุดๆ ต่อปากต่อคำกับกษัตริย์อย่างไม่เกรงกลัวซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นมันเป็นการเติมเต็มกันและกันของหนังทั้งในส่วนดราม่าและสนุกสนาน จนทำให้มันออกมา "สุดยอด" ความชอบนี้ต้องยกให้ ทอม ฮูเพอร์ ผู้กำกับ และ เดวิด ซิลด์เลอร์ คนเขียนบท เลยก็ว่าได้
ทั้งหมดทั้งมวลของเมื่อวาน รู้สึกแย่นิดหน่อยกับซับไตเติ้ล การถอดความมันดูแห้งๆไปนิด ถ้าแปลทั้งหมดแล้วถอดความสละสลวยกว่านี้มันน่าจะทำให้คนไทยทั้งประเทศได้เข้าถึงอรรถรสของหนังมากกว่านี้ แต่ก็ไม่เป็นไร ดีกว่าต้องมานั่งอ่านซับอังกฤษแล้วแปลเอง ลำบากก! ส่วนอย่างอื่นก็ประทับใจสุดๆที่ได้ดูหนังของ คอลิน เฟิร์ธ หลังจากเสียดายที่ปีที่แล้ว A Single Man ไม่ได้เข้าฉาย เรื่องนั้น เฟิร์ธ ก็เล่นได้ดราม่าสุดๆ เหมือนกัน สมแล้วกับที่ได้รับเกียรติจาก Hollywood walk of fame เป็นดาวดวงที่ 2429 ปีนี้ถือว่าเป็นปีของเขาเลยก็ว่าได้

No comments: