Friday, December 26, 2008

Movies Blunders Poll 2008

สำหรับนักดูหนังทั้งหลายแล้วการดูหนังคงไม่ใช่แค่ความบันเทิงเท่านั้นแต่มันยังสามารถนำมาต่อยอดเป็นเรื่องคุยเรื่องพูดได้อีกมากมาย เพราะส่วนมากแล้วเป็นที่แน่นอนว่านักดูหนังนั้น เวลาเข้าไปดูหนังเรื่องหนึ่งๆนั้นไม่ใช่แค่ดูอย่างเดียวแน่นอนแต่ต้องมีนำกลับมาวิจารณ์ วิเคราะห์กันอีกจ้าระหวั่น..ไม่ว่าจะเป็นเนื่อเรื่องหนัง พระเอก นางเอก ตอนจบ ผู้ร้าย มุขต่างๆในหนัง ฉากนั้นฉากนี้ โอ๊ย!!จิปาถะ นานจิตังและยังรวมทั้งการจับผิดด้วย ซึ่งปีนี้ก็มีออกมาแล้วสำหรับหนังที่มีข้อผิดพลาดมากที่สุด ซึ่งข้อมูลนี้ได้มาจากเวบไซต์ moviemistakes ของฝรั่งเค้านู้น..ซึ่งสามอันดับแรกเนี๊ยะดูเหมือนจะเป็นหนังสร้างกระแสทั้งน้านนน ไม่ว่าจะเป็น Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull ซึ่งมีคนจับจุดที่ผิดพลาดได้มากเป็นอันดับ1 ถึง 64 จุด ส่วนอันดับสองเรื่องนี้ก็เป็นหนังกระแสเหมือนกัน แต่เป็นกระแสแม่บ้านซะส่วนใหญ่ Mamma Mia! ซึ่งมีข้อผิดพลาดถึง 44 จุด ส่วนอันดับสามเป็นหนังกระแสตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าฉายจนกระทั้งตอนนี้ก็ยังแรงอยู่ The Dark Knight ตามมาติดๆที่ 43 จุด ส่วนอันดับอื่นก็เชิญชมตามอัธยาศัยกันเอาเอง...ซึ่งคนที่เป็นเป็นคนจัดการรวบรวมข้อมูลเนี๊ยะ(moviemistakes editor)เขาบอกว่า "ด้วยงบประมาณของหนังแล้วเนี๊ยะ ผู้สร้างสามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดแบบนี้ได้อยู่แล้ว(แบบให้คนดูจับผิดได้) หรืออย่างน้อยก็ใช้พวกคอมพิวเตอร์กราฟฟิกช่วยก็ได้แต่พวกเขากลับปล่อยข้อผิดพลาดให้ปรากฎออกมาและคนดูก็ดันตาไวเห็นจุดพวกนั้นพอดี" นี่คือรายชื่อหนังที่มีข้อผิดพลาดมากที่สุด 10 อันดับ

2. Mamma Mia! - 44 mistakes

3. The Dark Knight - 43 mistakes

4. Twilight - 41 mistakes

5. High School Musical 3: Senior Year - 41 mistakes

6. Journey to the Center of the Earth - 31 mistakes

7. Quantum of Solace - 23 mistakes

8. Get Smart - 23 mistakes

9. Step Brothers - 23 mistakes

10. Iron Man - 21 mistakes

ข้อผิดพลาดพวกนี้ยังไม่แน่นอนมีเพิ่มเรื่อยๆตราบใดที่นักดูหนังทั้งหลายเขายังพบจุดผิดพลาดอีกเรื่อยๆ แต่ที่เอามาเนี๊ยะไม่น่าจะผิดโผละ..ฮ่าๆๆโดยเฉพาะเรื่องแรก เห็นกันชัดๆตั้งแต่มอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์ละ เหอๆๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะนี่เป็นการจับผิดเพื่อที่ผู้สร้างจะได้ละเอียดกับงานมากกว่านี้(ทั้งๆที่ละเอียดก็จะได้ระเอียดอีก) ท้ายปีอย่างนี้ไม่ได้มีแค่จับผิดข้อผิดพลาดของหนังแค่อย่างเดียวมันยังมีการจัดอันดับหนังยอดแย่อีกตางหาก..หนังที่คุณคิดว่าดีสำหรับคุณจะอยู่ในลิสต์หนังยอดแย่รึป่าว?ต้องติดตามรอดูโพลกันต่อไป ส่วนใครที่อยากรู้ว่ามันผิดเยอะอย่างนี้รึป่าวก็ไปหาหนังเรื่องพวกนี้มาดูซะแล้วคุณจะรู้เอง???

Tuesday, December 23, 2008

The Heart Of The Matter

The heart of the matter is a song of The Eagles, preformance by Don Henley. In 1994, " When hell freezes over" concert he sang this song and told the details about this song that this song used fourty-two years to write (I guesses, his age) but four minute to sing.( Colin Firth ever said like this about his song in Mamma Mia! "our last summer" three days in studio to sing a three minute song.)




I got the call today, I didn't wanna hear
วันนี้ฉันได้รับโทรศัพท์, เป็นสายที่ฉันไม่อยากได้ยิน
But I knew that it would come
แต่ฉันรู้ว่ายังไงมันก็ต้องมาจนได้
An old true friend of ours was talkin' on the phone
เป็นสายของเพื่อนเก่าของเราสองคน
She said you found someone
เธอพูดว่าคุณพบคนใหม่แล้ว
And I thought of all the bad luck,
และมันทำให้ฉันย้อนนึกถึงความโชคร้าย
And the struggles we went through
กับสิ่งที่เราสองคนเคยพยายามดิ้นรนพยายามผ่านมันไปในอดีต
And how I lost me and you lost you
รวมถึงการที่ฉันสูญเสียความเป็นตัวเอง และเธอสูญเสียความเป็นเธอ
What are these voices outside love's open door
เสียงเรียกร้องจากภายนอกเหล่านี้คืออะไร
Make us throw off our contentment
มันทำให้เราโยนความพอใจของเราทิ้งไป
And beg for something more?
และอ้อนวอนเพื่อขอบางสิ่งที่มากกว่านี้
I'm learning to live without you now
ในตอนนี้ฉันเรียนรู้ที่จะอยู่โดยไม่มีเธอแล้ว
But I miss you sometimes
แต่ก็คิดถึงเธอในบางครั้ง
The more I know, the less I understand
ยิ่งฉันรู้มากเท่าไหร่, ฉันยิ่งเข้าใจน้อยลงเท่านั้น
All the things I thought I knew, I'm learning again
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเคยคิดว่าตัวเองรู้, ฉันกำลังเรียนรู้มันอีกครั้ง
I've been tryin' to get down to the Heart of the Matter
ฉันพยายามที่จะเข้าไปให้ถึงต้นเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้น
But my will gets weak
แต่ความตั้งใจของฉันกลับอ่อนแอลงไปทุกที
And my thoughts seem to scatter
และความนึกคิดของฉันเหมือนแตกเป็นเสี่ยงๆ
But I think it's about forgiveness
แต่เรื่องที่ฉันคิดถึงคือการให้อภัย
Forgiveness
การให้อภัย....
Even if, even if you don't love me anymore
แม้ว่า....แม้ว่าเธอจะไม่รักฉันแล้วก็ตาม
These times are so uncertain
ช่วงเวลาเหล่านี้ทำให้ฉันไม่ค่อยแน่ใจนัก
There's a yearning undefined
มีความคิดถึงที่ไม่สามารถนิยามได้อยู่
People filled with rage
ในหมู่ผู้คนที่เต็มไปด้วยความเดือดดาล
We all need a little tenderness
เราแค่ต้องการความอ่อนโยนรักใคร่
How can love survive in such a graceless age
เพื่อให้ความรักอยู่รอดในยุคแห่งความแข็งกร้าว
The trust and self-assurance that can lead to happiness
ความไว้วางใจซึ่งกันและกันและความมั่นคง ที่สามารถนำเราไปสู่ความสุขสมหวังในชีวิต
They're the very things we kill, I guess
มันกลายเป็นสิ่งที่เราพยายามลบล้างทิ้งไป, ฉันคิดว่าอย่างนั้น
Pride and competition cannot fill these empty arms
ความหยิ่งยโส และการแข่งขันในชีวิต ไม่สามารถเติมเต็มอ้อมแขนที่ว่างเปล่านี้ได้
And the work I put between us,
และหน้าที่การงานที่ฉันนำมันมาขวางหน้าเราไว้
Doesn't keep me warm
มันไม่ทำให้ฉันอบอุ่นขึ้นมาเลย
I'm learning to live without you now
ในตอนนี้ฉันเรียนรู้ที่จะอยู่โดยไม่มีเธอแล้ว
But I miss you, Baby
แต่ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน, ที่รัก
The more I know, the less I understand
ยิ่งฉันรู้มากเท่าไหร่, ฉันยิ่งเข้าใจน้อยลงเท่านั้น
All the things I thought I figured out, I have to learn again
ทุกสิ่งที่ฉันคิดว่าได้ไตร่ตรองไว้แล้ว, ฉันต้องเรียนรู้มันอีกครั้ง
I've been tryin' to get down to the Heart of the Matter
ฉันพยายามที่จะเข้าไปให้ถึงต้นเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้น
But everything changes
แต่ทุกสิ่งได้เปลี่ยนไปแล้ว
And my friends seem to scatter
และเพื่อนๆของเราดูเหมือนได้แยกย้ายกันไป
But I think it's about forgiveness
แต่เรื่องที่ฉันคิดถึงคือการให้อภัย
Forgiveness....
การให้อภัย
Even if, even if you don't love me anymore
แม้ว่า....แม้ว่าเธอจะไม่รักฉันแล้วก็ตาม
There are people in your life who've come and gone
มีผู้คนมากมายเข้ามาในชีวิตเธอ ผ่านมาและก็ผ่านไป
They let you down and hurt your pride
พวกเขาทำให้เธอรู้สึกแย่และทำลายความภูมิใจในชีวิตเธอ
Better put it all behind you; life goes on
อย่าไปใส่ใจพวกเขาจะดีกว่า ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
You keep carrin' that anger, it'll eat you inside
ถ้าเธอยังเก็บความโกรธไว้, มันจะทำร้ายใจเธอเอง
I've been tryin' to get down to the Heart of the Matter
ฉันพยายามที่จะเข้าไปให้ถึงต้นเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้น
But my will gets weak
แต่ความตั้งใจของฉันกลับอ่อนแอลงไปทุกที
And my thoughts seem to scatter
และความนึกคิดของฉันเหมือนแตกเป็นเสี่ยงๆ
But I think it's about forgiveness
แต่เรื่องที่ฉันคิดถึงคือการให้อภัย
Forgiveness
การให้อภัย....
Even if, even if you don't love me anymore
แม้ว่า....แม้ว่าเธอจะไม่รักฉันแล้วก็ตาม
I've been tryin' to get down to the Heart of the Matter
ฉันพยายามที่จะเข้าไปให้ถึงต้นเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้น
Because the flesh will get weak
เพราะร่างกายเริ่มที่จะอ่อนแอลง
And the ashes will scatter
และเถ้าธุลีเริ่มที่เริ่มจะแตกออกเป็นผุยผง
So I'm thinkin' about forgiveness
ฉันเลยคิดถึงเพียงแค่การให้อภัย

Forgiveness....
การให้อภัย
Even if, even if you don't love me anymore
แม้ว่า....แม้ว่าเธอจะไม่รักฉันแล้วก็ตาม


This song was in the the DVD concert on the alblum " Hell Freezes Over". It is acustic live concert that is so great!

เพลงนี้ฟังมาตั้งแต่เด็กๆ พ่อเปิดกรอกหูทู้กวัน แต่ก็เพิ่งมาเข้าใจความหมายของเพลงก็เมื่อไม่นานมานี้เองแล้วถ้าลองไปหาเกี่ยวกับเพลงนี้ก็จะรู้ว่ามันมีที่มามาจากตัวคนร้องนั่นแหละ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องราว Don Henley กับอดีตแฟนของเขาที่คบกันมาเป็นสิบปีแต่กลับมาต้องเลิกกัน (เพราะเหตุผลอะไรไม่รู้แต่อาจจะเป็นเหตุผลเดียวกับในเพลงก็ได้...) ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ DVD นี้จะยังหาซื้อได้อีกรึป่าว? ถ้าใครมีก็ถือว่าควรค่าแก่การรักษา ฮ่าๆๆเพราะที่บ้านนี่พ่อห่วงมากก เหอๆๆ แต่ถ้าใครอยากซื้อก็ต้องพยายามกันหน่อยเพราะคงหาซื้อยากแล้วหละ --สนันสนุนของแท้นะคุณ Do Not piracy!!

ถ้าใครได้ดูหนังเรื่อง SEX AND THE CITY (ไม่ใช่ซีรีย์นะ) จะได้ยินเพลงนี้เป็น Soundtrack ของหนังเรื่องนี้แต่เป็นแบบเวอร์ชั่นผู้หญิงร้อง แบบว่ามันมีคนเอามาcoverหลายคนมากกกก ลองไปหาฟังดูได้เลย...


Monday, December 22, 2008

Former??


เดี๋ยวนี้ดูเหมือนว่าฝรั่งเขาชอบทำพวก picture capture หรือพวก Fan pic อะไรกันทำนองนี้แหละ เห็นภาพนี้แล้วก็เลยเก็บเอามาฝาก อ่านดูแล้วก็ฮาๆดี โดยเฉพาะของเพียร์ซ บรอสแนน เอิ๊กๆๆ เขาเรียกกันว่าเป็นการดูหนังแบบไม่เสียเปล่า เพราะดูแล้วยังเก็บเอามาวิจารณ์ ฮ่าๆๆๆ เพราะแต่ละคนในภาพนี้เนี๊ยะมีคาร์แรคเตอร์เด่นๆ จากหนังเรื่องก่อนๆกันอยู่แล้ว ถือว่าช่างคิดดี! good job

Sunday, December 21, 2008

โปรแกรมส่งท้ายปี

นับจากวันนี้ไปอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันสิ้นปีแล้ว..ไม่รู้ว่ามันจะสิ้นปี สิ้นโลก หรือสิ้นใจกันแน่ เพราะกว่าจะถึงวันสิ้นปีที่ได้หยุดยาววว ฉันต้องสอบๆๆๆ (คิดแล้วเซงเหลือเกิน) แต่ก็อยากให้มันผ่านพ้นไปให้เร็วๆสำหรับปีนี้ เพราะว่ามันเริ่มไม่ค่อยมีไรน่าสนใจแล้ว ยิ่งถ้าเป็นแวดวงหนังในบ้านเรานี่ยิ่งไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจส่งท้ายปีเลย แต่ผิดกับในต่างประเทศโดยเฉพาะตลาดหนังโลกอย่างสหรัฐ ยิ่งปลายปียิ่งแรงอาจจะเป็นเพราะว่าอีกไม่กี่เดือนก็จะประกาศรางวัลใหญ่ของหนังแล้ว..คงไม่ต้องเดาให้เมื่อยว่ามันคืออะไร ออสการ์นั่นเอง แค่ตอนนี้มีน้ำจิ้มชิมลางออกมาก็ตื่นเต้นน่าดูแล้วสำหรับรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัล GOLDEN GLOBE หรือที่ในบ้านเราเรียกว่า "ลูกโลกทองคำ" เพราะว่าพวกหนังตัวเต็งทั้งหลายนั้นเพิ่งเปิดตัวจัดงาน premiere เดินพรมแดงกันหมาดๆๆ แต่ส่วนมากก็ฉายกันในวงจำกัดแบบวาขอแค่มีสิทธิ์เข้าชิงก่อน แล้วค่อยขยายวงกว้างทีหลัง ซึ่งถ้าเป็นชาวอเมริกันแล้วคงจะถือว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่หนังคงจะร้อนแรงมาก ถือว่าสุดสัปดาห์แห่งการพักผ่อนกันเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่หนังหวังรางวัลที่เปิดตัวกันในเดือนนี้เท่านั้น อย่างอเมริกาแล้วนั้นถือว่าเป็นอุตสาหกรรมหนังอย่างแท้จริง เพราะเขามีหนังมาเปิดตัวตลอดเวลา ช่วงส่งท้ายปีนี่อาจจะเป็นพวกหนังแบบว่าอยากดังข้ามปี เหอๆๆ ซึ่งก็มีหนังที่น่าดูอยู่หลายเรื่องเหมือนกัน ซึ่งหนังพวกนี้ไม่ได้หวังรางวัลแต่หวังคนดูมากกว่า ฮ่าๆๆ นี่ขนาดปลายปีตลาดหนังในต่างประเทศยังไม่หยุดแต่ในบ้านเรากลับเงียบ(มาก) ตอนนี้จะมีก็แค่หนังของจา พนม "องค์บาก2" และอีกเรื่องก็เป็นหนังรักหรือหนังชีวิต ดราม่า ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนั่นก็คือ "HAPPY BIRTHDAY" ของผู้กำกับพงษ์พัฒน์ ที่ได้คู่พระนางเดิมมาถ่ายทอดเรื่องราว ซึ่งก็เป็นหนังที่น่าดูอยู่เหมือนกัน ถ้าเทียบกันแล้วกับต่างประเทศก็อย่างที่เห็นว่ามันไม่ติดฝุ่นกันเลย ก็คงต้องรอลุ้นตลาดหนังในบ้านเราแล้วก็ในต่างประเทศกันต่อ แต่ในบ้านเราช่วงท้ายปีตอนนี้ก็อาจจะมีเฮนิดๆหน่อยๆสำหรับพวกนักสะสมทั้งหลาย เพราะตอนนี้ดีวีดี บลูเรย์ boxset ของหนังออกมามากมายเหลือเกิน ยิ่งกว่าน้ำป่าไหลหลากซะอีก ซึ่งต้องจัดการการเงินกันอย่างหัวหมุนส่งท้ายปีกันเลยทีเดียว เพราะว่าทุกเรื่องน่าเก็บไปหมด ตอนนี้ทำได้อย่างเดียวก็คือ รอปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงเพราะว่าถ้าดูจากโปรแกรมหนังของปี 2009 แล้วนั้นต้องบอกว่าสุดยอดทั้งนั้น ฮ่าๆๆแต่เฉพาะในตลาดนอกนะเพราะในไทยไม่รู้ว่าจะได้เข้ามาสักกี่เรื่อง (เหมือนประเทศไทยเป็นประเทศปิดเลยหวะ..ทั้งๆที่สมาพันธ์ภาพยนตร์)

โดยเฉพาะหนังของ Colin Firth ปีหน้าก็จะมีให้ดูอยู่หลายเรื่องเหมือนกัน บางเรื่องก็เปิดตัวไปแล้วบางเร่องก็เพิ่งถ่ายเสร็จ แฟนหนังทั้งหลายก็คงต้องต่อไป เรื่องที่จะฉายปีหน้าก็มี Genova, The accident husband เรื่องนี้เหมือนจะเปิดตัวไปนานมากแล้วว, Dorian Gray, A single man (เดาว่าน่าจะปลายปี) และอีกเรื่อง The christmas carol นับๆดูก็หลายเรื่องอยู่แหะ แต่ก็อีกนะ ในบ้านเรานั้นหนังทางฟากอังกฤษไม่ค่อยบูม เหอๆๆ ทำได้คือรอแผ่น เห้ออออออคิดแล้วเซง--25 ธันวานี้ ใครอยากเกาะกระแสหนังที่มียอดขาย DVD หมดเร็วที่สุดคงต้องรีบไปจับจอง DVD เรื่อง MAMMA MIA! (ถ้าจะซื้อแนะนำให้ชื้อแบบEdition 2 แผ่น คุ้มกว่ากันเยอะเลยเพียบไปด้วย special feature)กันหน่อยนะเพราะเรื่องนี้ในอังกฤษขายแผ่นหมดไวมากและยอดขายมากกว่าที่ ไททานิคเคยทำไว้ซะอีก โอกาสมาถึงมือท่านละ เพราะในบ้านเราคงไม่ต้องไปแย่งกะใครเขาเหมือนในต่างประเทศ ฮ่าๆๆๆ

Tuesday, December 16, 2008

Swing Vote

Finally, Thailand had a new PM. He is Mr. Abhisit Vejjajiva his nickname is “Mark” who is a leader of democracy party. He is 27th PM of Thailand. His background, He lived in England until he was young and learned at Eton then he graduated bachelor and master degree from Oxford University. He had interested political until teenage and he was a volunteer for election in summer when we come back to Thailand also. When he graduated and came back to Thailand, in the first he was a lecturer at military school and moved to Thummasart University and Chulalongkorn University. After that, former PM Mr. Chuan Leekpai persuaded him to politics road. That is the beginning of a new PM.


He won the vote 235:198 from the member of the House of Representatives. Now the way that Thailand could be, it will be that up to this government.














P.S. If anyone who does not agree with this government, please do not destroy your hometown by protest and blockade the airport. Because it so terrible to acceptance!


This journal is not relate with Firth but I just want to write that all. Nickname of PM is Mark 55+ not Mark Darcy but he graduated from Eton like Mark Darcy 55+ but not Cambridge he’s Oxford and both supporting Newcastle United Football Club, oh Thailand it so unbelievable!!


















Thursday, December 11, 2008

Easy Virtue


Easy Virtue เป็นภาพยนตร์จากประเทศอังกฤษ ซึ่งชื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ถ้าเปิด dictionary ดูจะแปลประมาณว่า "ใจง่าย" "แพศยา" ประมาณนั้น ตอนแรกก็ไม่ได้สังเกตุหรอกว่าชื่อหนังมันแปลว่าอย่างนี้ จนวันนึงมาสะดุดคิด เหอๆๆ จึงได้รู้ความจริง ฮ่าๆๆๆ กำหนดฉายในประเทศไทยคงจะยังไม่มี เพราะขนาดอเมริกายังฉายปีหน้าเลย ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานกำกับของ สเตฟาน เอลเลียต (ชื่อไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่) ซึ่งได้ เจสสิกา บีล (หวานใจของจัสติน ทิมเบอเรค) เบน บาร์นส์ (เจ้าชายแคสเปี้ยน) คอลิน เฟิร์ธและ คริสทิน สกอต โธมัส (สองคนหลังไม่ต้องเอ่ยอะไรก็น่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว) ร่วมกันแสดงนำ นำ นำ ฮ่าๆๆ ไม่รู้ว่าใครจะนำใคร ใครจะเด่นกว่าใคร โดยใน 4 นี้ เจสสิกา บีล นั้นยังไม่เคยร่วมงานกับใครมาก่อนเลย เบน บาร์นส์ก็เหมือนกันแต่เขากำลังจะมีผลงานเรื่องต่อไปกับคอลิน เฟิร์ธ อีกเรื่องนึง (Dorian gray) ซึ่งถ่ายทำเสร็จไปแล้ว แต่ในส่วนของ คอลิน เฟิร์ธ กับ คริสทิน สกอต โธมัส นั้นป็นการกลับมาแสดงร่วมกันเป็นเรื่องที่ 2 หลังจากเรื่อง English patient (นานมากกก) ซึ่งก็ยังคงบทบาทเดิมก็คือแสดงเป็น สามี ภรรยากัน (แต่เรื่องนี้ คริสทิน คงไม่แอบมีชู้แน่นอน 55) ภาพยนตร์เรื่องจะออกแนวคอมเมดี้ ร้ายลึกภายในครอบครัว เหอๆๆ เป็นเรื่องครอบครัวชนชั้นสูงครอบครัวหนึ่งในอังกฤษในยุค 20 ซึ่งมีอคติกับสาวอเมริกัน แต่ลูกชายของครอบครัวนี้ก็ดันไปแต่งงานกับสาวอเมริกันซะนี่ เรื่องยุ่งๆระหว่างครอบครัวสามีกับลูกสะใภ้ก็เลยเกิดขึ้น โดยเฉพาะแม่สามีที่ออกอาการสุดๆ เห็นได้ชัดทุกตอนทุกฉากที่แม่สามีและลูกสะใภ้มาเจอกัน เป็นฉากที่ปะทะคารมกันสุดๆ เฉือดเฉือนกันสุดฤทธิ์ (แต่ดีกว่าในหนังไทยเยอะ) ซึ่งได้อ่านบทสัมภาษณ์มาฉบับนึงซึ่งผู้กำกับของภาพยนตร์เรื่องนี้บอกว่า "คริสทิน สกอต โธมัส เธอเล่นได้ร้ายลึกมากและทำให้ทุกคนอกสั่นขวัญแขวนเวลาเธอแสดง" "เวลาที่ทั้งสอง(คริสทินและเจสสิกา)เข้าฉากด้วยกัน มันเหมือนกับแมวแยกเขี้ยวใส่กัน" นี่แค่บทสัมภาษณ์เล็กๆเท่านั้นก็น่าพิสูจน์แล้วว่าจะจริงรึป่าว?

นี่แค่ดารานำหญิงของเรื่องนะเนี๊ยะ ยังไม่รวมนำชายอีกสองคน ก็คือ เบน บาร์สน์และคอลิน เฟิร์ธ โดยบทของ เบน นั้นดูแล้วคงแปลกตาไปจากเรื่องเดิมแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้บทของเขาจะเน้นไปในทางฮาซะมากว่า มีซีนอารมณ์นิดๆหน่อยๆ ดูแล้วสบายๆ ส่วนในบทของ คอลิน เฟิร์ธ นั้นรับบทเป็นพ่อของ เบน ซึ่งเป็นคนเดียวในครอบครัวที่ไม่รู้สึกรังเกียจนางเอง ถึงบทดูเหมือนจะธรรมดาแต่ก็แฝงไปด้วยความไม่ธรรมดา เพราะแน่นอนว่าเขาขโมยซีนไปเต็มๆกับหนังเรื่องนี้ นั่นก็คือฉากเต้น Tango กับลูกสะใภ้ ฮ่าๆๆ ขโมยซีนกันไปเลยและถ้าใครยังชอบในบท เจเรมี ใน love actually ของคอลินที่พูดภาษาโปรตุเกสแล้วนั้น ในเรื่องนี้เรายังจะได้เห็นความสามารถทางภาษาของนักแสดงคนนี้อีกหนึ่งภาษาก็คือ ภาษาฝรั่งเศส ในฉากตอนซ่อมมอเตอร์ไซคื ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวไปแล้วที่อังกฤษและ
การตอบรับจากเทศหนังต่างประเทศต่างก็เป็นที่ยอมรับของคนดูและลังจากนี้ไปเราก็ต้องมาดูกันว่าภาพยนตร์ที่ใช้นักแสดงมากฝือมือหลายคนมาประชันกันจะประสบความสำเร็จขนาดไหน! ต้องติดตามกันดู ถ้ามีความคืบหน้าจะเอามาเล่าให้ฟังอีก--เพราะเราจะเล่าเรื่องหนังของ FIRTH ทุกเรื่อง

Tuesday, December 2, 2008

Tom Ford directs "A Single Man"

แวดวงข่าวสารบันเทิงของไทยเพิ่งจะส่งข่าวการกระโดดเข้าวงการภาพยนตร์ในฐานะ"ผู้กำกับ" เรื่องแรกของดีไซน์เนอร์ชื่อดัง Tom Ford เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าผู้ชายสุดหรูที่มีชื่อเดียวกันนั้น ซึ่งเป็นการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาเองโดยเขาได้เขียนบทเองด้วย โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนิยายของ คริสโตเฟอร์ ไอเซอร์วูด ซึ่งเป็นเรื่องราวของ จอร์จ อาจารย์มหาวิทยาลัยคนนึงที่สูญเสียคนรักไปอย่างกระทันหันและเขาต้องใช้ชีวิตที่เหลือต่อไปให้ได้โดยมีเพื่อนรักคอยให้ความช่วยเหลือ ซึ่งนักแสดงของเรื่องนี้เคยได้นำมาเขียนแล้วครั้งนึง ก็คือ "จอร์จ" นำแสดงโดย คอลิน เฟิร์ธ ส่วน จูลีแอน มัวร์ นั้นจะแสดงเป็น"ชาลอตต์"เพื่อนของจอร์จ และร่วมด้วย แมทธิว กู๊ด รับบทเป็น "จิม" คนรักของจอร์จ อีกทั้งยังมีดาราหนุ่มจาก About a boy นิโคลัส ฮัลท์ และ จินนิเฟอร์ กู๊ดวิน มาร่วมแสดงด้วยในเรื่องนี้ ส่วนกำหนดฉายของภาพยนตร์เรื่องคงอาจจะเป็นไม่กลางปีก็ปลายปีหน้าเพราะขณะนี้ทางทีมงานและนักแสดงกำลังถ่ายทำกันอยู่ที่เมืองนางฟ้าหลงทาง ลอส แองเจลลิส แคลิฟอร์เนียนู้น สำหรับคนที่อยากรู้ว่าเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นยังไงนั้นสามารถติดตามได้จากเวบไซต์ของ คอลิน เฟิร์ธ เพราะรู้สึกว่าแฟนคลับของหนุ่มคนนี้จะกระตือรือร้นกับภาพยนตร์เรื่องซะจริงๆ แล้วก็คงต้องคอยดูกันต่อไปว่าดีไซน์เนอร์หนุ่มคนดังจะสามารถเนรมิตภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาได้น่าชมขนาดไหน--ต้องติดตามกันต่อไป มีภาพจากการถ่ายทำบางส่วนมาให้ชมแต่ต้องคลิกเข้าไปดูเอง--

Location Filming






Monday, December 1, 2008

MAMMA MIA! AGAIN


Mamma Mia! ทำลายสถิติใหม่ของวงการหนังอังกฤษในการวางจำหน่าย DVD เพียงแค่วันแรกเท่านั้นสามารถขายได้ถึง 1.7 ล้านแผ่น ซึ่งทำลายสถิติของภาพยนตร์เรื่อง Titanic ที่ขายได้ 1.1 ล้านแผ่นในการวางจำหน่ายวันแรกเมื่อปี 1998ไปได้ เป็นการทำยอดขายเร็วเป็นประวัติการของอังกฤษเลยทีเดียวเพราะนี่แค่ยอดจำหน่ายในวันจันทร์แรกที่วางจำหน่ายเท่านั้น! ภาพยนตร์เพลงเรื่อง “Mamma Mia!” นอกจากจะฮิตสุดๆ ในอังกฤษแล้ว จนทำรายได้แซงหน้า Harry Potter and the Philosopher Stone กลายเป็นหนังอังกฤษที่ทำเงินสูงสุดในอังกฤษไปแล้ว DVD ยังทำยอดขายเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของอังกฤษเลยทีเดียว สำหรับรายได้ของภาพยนตร์ก็ยังคงไปได้ดีในอังกฤษ ติดใน 15 อันดับสูงสุด โดยสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำยอดลดไป 42% ทำรายได้รวมในอังกฤษไปแล้ว 104.6 ล้านดอลลาร์--อย่างนี้ทั้งผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับ ทีมงานและนักแสดงคงหน้าบานกันเป็นแถว เป็นการส่งท้ายปีที่ดีของหนังเรื่องนี้เลยทีเดียวเพราะมีบางประเทศที่หนังเรื่องนี้ยังไม่ได้เปิดตัวอีก ซึ่งนั่นก็หมายความว่าหนังเรื่องนี้จะโกยเงินเป็นกอบเป็นกำให้กับยูนิเวอร์เซลอีกได้แน่นอน!

Thank--Nangdee.com